บทที่ 1
คู่กัดต่างวัย
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม รถติดยาวเหยียดหลายกิโลเมตร
ผู้คนร้องตะโกนโหวกเหวกท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวเหนียวเหนอะหนะและควันพิษ
บรรดาคนทำงานต่างถูกปลุกให้ตื่นขึ้นทั้งที่ยังนอนไม่เต็มอิ่ม เข็มเวลาเร่งให้พวกเขาขยับเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าราวกับหุ่นยนต์ไร้ชีวิต…
ทุกวัน ทุกวัน
และทุกวัน กลายเป็นกิจวัตรประจำวันทุกคนต้องเต้นระบำไปบนฟลอร์แห่งชีวิตที่ตัวเองขีดเขี่ย
ราวกับว่าไม่มีเรื่องอื่นใดที่น่าอภิรมย์มากไปกว่านั้น
ในสายตาของหนุ่มใหญ่วัยย่าง
39 ปี อย่าง “รพัทธ์ รพีพงศ์พันธ์”ทุกคนต่างก็เหมือนนักเดินทางดั้นด้นออกไปค้นหาเศษส่วนชีวิตไม่ต่างจากบ้าหอบฟาง
ฟางแต่ละเส้นล้วนแต่เป็นสิ่งไร้สาระ แต่มันกลับถักทอสานต่อชีวิตผู้คนให้ดำรงอยู่ เคยคิดขณะนั่งทอดอารมณ์ออกไปบนถนนระหว่างรถติด
อาจมีบางคนที่คล้ายกับเขา พยายามค้นหาบางสิ่งที่แตกต่าง บางสิ่งที่เรียกว่า
จิตวิญญาณแห่งรักเพื่อมาเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่า แต่สำหรับเขา “รักแท้”
ที่ว่ามันหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร…
“เฮ้อ!”
เสียงถอนหายใจหนักๆ
แว่วดังขึ้นภายในรถเก๋งคันหรูราคาแพงหูฉี่หลายสิบล้านบาท
แต่ดูเหมือนใบหน้าผู้เป็นเจ้าของรถจะไม่สบอารมณ์กับบรรยากาศรอบข้างเสียเท่าไหร่
มีรถแพงแล้วไง มีเงินเยอะแล้วช่วยให้รถหายติดได้หรือเปล่า
มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดแทบเป็นบ้า นึกอยากหลบหนีไปอาศัยอยู่บนดาวดวงอื่นให้รู้แล้วรู้รอด
ถ้าเป็นไปได้น่ะนะ
“เบื่อหรือครับนาย?”
คนขับรถคู่ใจวัยสามสิบกว่ามองผ่านกระจกรถพอเห็นเจ้านายหนุ่มนั่งทำหน้าเครียดถอนหายใจเป็นระยะก็อดตั้งคำถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“มีเส้นทางอื่นอีกไหมที่จะเลี่ยงรถติดนายธง?”
“เอ่อ ณ
ปัจจุบันคิดว่ายังไม่มีนะครับนาย แต่อนาคตยังไม่แน่ ถ้ามีอัจฉริยะคิดค้นรถเหาะสัญจรไปมาบนอากาศได้”
นายธงชัยคนซื่อ
ใจเย็น แถมอารมณ์ขันกล่าวกับผู้เป็นนายจ้างอย่างอารมณ์ดี แต่ผู้เป็นนายดูเหมือนยิ่งหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิม
“รถเหาะบ้าบออะไรของแก
ป่านนี้ยัยจันทร์คงรอแย่แล้ว งั้นเอาแบบนี้ นายขับรถกลับบ้านได้เลย
ส่วนฉันจะไปรถไฟฟ้ามหานครนี่แหละ ตั้งแต่เปิดใช้บริการยังไม่เคยทดลองนั่งเลย
วันนี้จะใช้บริการสักหน่อยดูซิว่าจะเร็วทันใจจริงหรือเปล่า”
กล่าวจบหนุ่มใหญ่ใจร้อนก็รีบผลุนผลันลงจากรถเก๋ง
โดยไม่สนใจเสียงเรียกของนายธงชัยที่ร้องห้ามไว้
“เจ้านายใจร้อนแบบนี้ตลอด
แล้วจะขึ้นเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้รถไฟฟ้า เงินย่อยติดตัวก็ไม่มีอีก
แล้วจะทำยังไงล่ะนั่น”
นายธงชัยได้แต่มองโลกในด้านบวก
คิดว่าเจ้านายเขาเป็นคนฉลาดคงเอาตัวรอดได้
“ยังไงครับ
ทำไมไม่รับบัตรเครดิต นี่พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าบัตรนี่ทั่วโลกมีได้แค่ไม่กี่คนนะ
ทำไมถึงไม่รับช่วยบอกเหตุผลมาหน่อยซิ?”
รพัทธ์ผู้ไม่เคยนั่งรถไฟฟ้า
และไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองมาก่อนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อถูกพนักงานขายตั๋วปฏิเสธบัตรเครดิต
ส่วนพนักงานก็พากันทำหน้าพะอืดพะอม พยายามอธิบายแล้วอธิบายอีกว่าต้องใช้เงินสดเท่านั้นทว่ารพัทธ์ก็ไม่ยอมรับท่าเดียว
จนผู้โดยสารที่เข้าคิวอยู่ด้านหลังพากันบ่นขึ้นเสียงดังระงม แต่กลับไม่มีใครกล้าบอกให้ชายหนุ่มหน้าดุถอยไป
เดือดร้อนไปถึงเด็กสาวร่างเล็กผู้ซึ่งกำลังรีบเร่งเดินทางไปสนามบิน
“นี่ลุง
ถ้าไม่มีเงินสดก็ไปกดเอาที่ตู้เอทีเอ็มมาซื้อเสียสิ จะมาขวางทางคนอื่นอยู่ทำไม”
รพัทธ์หันขวับไปทางเสียงนั้นด้วยนึกไม่พอใจ
“ใครเมื่อกี้ใครเรียกฉันว่าลุง?”
ดวงตาดุเข้มของชายหนุ่มไล่กวาดจิกทุกคนที่ยืนเข้าคิวต่อแถวยาวเหยียดประมาณสิบราย
ทุกรายต่างพากันก้มหน้าหลบสายตาเขาพัลวัน จนไปหยุดอยู่ที่แม่สาวน้อยท่าทางแก่นแก้ว
ซอยผมสั้นคล้ายเด็กผู้ชายคนสุดท้าย หล่อนจ้องมองมายังเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน
“เธอใช่มั้ยยัยทอมที่ว่าฉันลุงเมื่อกี้?”
รพัทธ์เดินออกจากแถวเข้าไปหาเด็กสาวซึ่งอยู่ท้ายสุดด้วยท่าทางไม่พอใจ
“ใช่แล้วไงลุง
คนอื่นเขาจะรีบซื้อตั๋วรีบไป ทำไมลุงถึงยังดื้อแพ่งจะซื้อตั๋วด้วยบัตรเครดิตอยู่ได้”
“พาฝัน
วันชัยบดินทร์”
ที่อีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่าเป็นทอมบอย เชิดหน้าเถียงอย่างไม่กลัวเกรงเขา
รพัทธ์โมโหจนลมออกหู
“เธอจะรู้อะไรยัยทอม
เด็กเมื่อวานซืนอย่างเธออายุเท่าไหร่ถึงมายืนเถียงผู้ใหญ่แบบนี้ รู้มั้ยฉันเป็นใคร
แล้วบัตรนี่มีค่ากว่าคนอย่างเธอเสียอีก”
“โถๆๆๆ
ลุงถ้ามันมีค่าขนาดนั้นก็กราบมันเสียเลยสิ เอามันไปบูชาอยู่ที่หิ้งพระโน่น
จะเอามาเที่ยวประกาศให้คนอื่นรู้ทำไม จะบอกให้เอาบุญอย่างหนึ่งนะลุง
คนแบบลุงมีเยอะ พวกบ้าอำนาจ คิดว่าตัวเองเป็นเทวดา
พอมาเหยียบดินกับคนธรรมดาระวังจะโดนทืบเข้าให้โดยไม่รู้สึกตัว”
พูดจบพาฝันก็เผ่นแน่บไปซื้อตั๋วอีกช่องที่เห็นว่างอยู่
พอได้ตั๋วเสร็จก็วิ่งไปขึ้นรถไฟฟ้าที่วิ่งมาจอดพอดี ทิ้งให้รพัทธ์ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอดๆ
มองตามอย่างอาฆาต เวลานั้นแทบอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ แต่มันร้องไม่ออกที่จู่ๆ ก็โดนเด็กเมื่อวานซืนด่า
กว่าที่รพัทธ์จะมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้สำเร็จก็เล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น
ต้องเดือดร้อนพนักงานขายตั๋วช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้เขาไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มมาซื้อตั๋ว
ด้วยเห็นว่ากลัวน้องสาวจะรอนานจึงยอมทำตาม ถ้าไม่เช่นนั้นมีหรือที่เขาจะยอมง่ายๆ
“พี่คะอยู่ไหน?”
พอถึงสนามบินชายหนุ่มเห็นข้อความน้องสาวก็ลนลานวิ่งไปยังจุดนัดพบผู้โดยสารขาเข้าทันที
คิดว่าน้องสาวคงต่อว่าเขาเป็นแน่ที่ไปรับช้า แต่พอไปถึงกลับตาลปัตร
เมื่อพบว่าน้องสาวกำลังยืนคุยอย่างอารมณ์ดีอยู่กับเพื่อน มองจากด้านหลังนึกว่าเป็นเด็กผู้ชายเพราะซอยผมสั้น
การแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนนั้นมองดูคุ้นๆ ตาอย่างบอกไม่ถูก
พอเขาร้องเรียกน้องสาว ทั้งสองสาวหันกลับมามองทางเขา
รพัทธ์ถึงรู้ว่าเด็กสาวที่ยืนพูดคุยกับน้องสาวเป็นคนเดียวกับคนที่เขาเคยมีเรื่องด้วยก่อนหน้านั้น
“เธอ!”
“อ้าว! ลุงนี่”
ทั้งสองร้องขึ้นเกือบพร้อมกัน
รินจันทร์นึกประหลาดใจที่พี่ชายกับเพื่อนสาวรู้จักกัน
”พี่พัทธ์รู้จักพาฝันด้วยหรือคะ?”
“เปล่า!” ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกันอีก
รินจันทร์ได้แต่ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก
“ยังไงคะ
รู้จักหรือไม่รู้จักก็เห็นเมื่อครู่ทำท่าเหมือนยังกะรู้จักกันมาก่อน”
“ไม่รู้จัก
ใครจะไปรู้จักกับทอมแบบนี้”
พี่ชายเค้นเสียงตอบ
“อ้าว! ลุงปากหรือนั่นน่ะ?”
พาฝันจ้องมองรพัทธ์ที่มองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เขายังนึกเจ็บใจไม่หายที่ถูกเด็กสาวด่า
“เอาละๆ
พี่พัทธ์คะนี่พาฝัน พวกเราสนิทกันตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมต้น และนี่พี่ชายเราเองฝัน”
รินจันทร์กล่าวแนะนำเพื่อให้ทั้งสองยุติการทะเลาะกัน
“พี่ชายเธอเหรอคนนี้
นึกว่าเป็นคุณพ่อเธอเสียอีก” พาฝันกล่าว เหลือบมองรพัทธ์ที่กำลังแยกเขี้ยวใส่เหมือนยักษ์
“น้องไปคบกับคนแบบนี้ได้ยังไง
ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”
“พอๆ แล้วค่ะทั้งสองคน
จันทร์เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ อยากกลับบ้านไปพักแล้วค่ะ”
รินจันทร์หันไปบอกพี่ชายอายุห่างกัน17 ปี ด้วยท่าทางอ่อนเพลีย รพัทธ์จึงเงียบ
กำลังจะยื่นมือไปช่วยถือกระเป๋าลากจากมือน้องสาว แต่โดนพาฝันแย่งไปต่อหน้าต่อตา
“ที่รักให้เราช่วยถือดีกว่า”
พาฝันกล่าวกับรินจันทร์เหมือนที่เคยพูดหยอกล้อกันเล่นสมัยเรียนมัธยม
ทำให้รพัทธ์ที่ยืนฟังอยู่ถึงกับสะอึกดัง
“เป็นอะไรคะพี่พัทธ์?”
พี่ชายได้แต่โบกไม้โบกมือพัลวัน
“ปะ
เปล่าสงสัยเพราะนั่งรถไฟฟ้าเป็นครั้งแรกเลยสำลักควันน่ะ พวกเรากลับกันเถอะ พี่สั่งให้แม่บ้านทำกับข้าวหลายอย่างไว้รอต้อนรับเธอ
น้องต้องชอบแน่ๆ เลย”รพัทธ์กล่าวกับน้องสาวอย่างเอาอกเอาใจ รินจันทร์เป็นน้องสาวคนเดียวของเขาแต่ต่างมารดา
และรพัทธ์รักน้องสาวมาก เขาตามใจหล่อนมาตั้งแต่เด็ก เพราะไม่อยากทำให้น้องเสียใจ
มารดาของรพัทธ์เสียตั้งแต่เขาอายุ14 ปี ด้วยโรคหัวใจ อีกสองปีหลังจากนั้นบิดาจึงได้ตัดสินใจแต่งงานใหม่กับแม่ของรินจันทร์และมีบุตรสาวด้วยกัน
ตอนรินจันทร์ขึ้นชั้นมัธยมปลายทั้งบิดาของเขาและมารดาของรินจันทร์ได้ตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่อเมริกา
ก่อนเดินทางทั้งสองได้ฝากน้องสาวให้รพัทธ์ช่วยดูแล เขาจึงเข้มงวดกับรินจันทร์เป็นพิเศษ
ถึงขั้นไล่คัดกรองทุกคนที่เข้ามาคบด้วย ทำให้รินจันทร์รู้สึกอึดอัดไม่น้อยในช่วงเวลาที่อยู่เมืองไทย
พอจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจึงตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกาและตอนนี้หล่อนเรียนจบปริญญาตรีเรียบร้อยได้แต่คาดหวังว่าพี่ชายคงไม่เข้ามาเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตเหมือนในอดีตอีก
“คืนนี้พาฝันจะนอนค้างกับหนูนะคะพี่”
พอถึงบ้าน
รินจันทร์ได้แจ้งข่าวใหม่ ซึ่งทำให้พี่ชายผู้เข้มงวดถึงกับทำหน้างงอยู่สักพักนึกเดาไปว่าพาฝันคงเป็นคนเป่าหูน้องสาวเขาให้พูดแบบนั้น
“อะไรนะ
จะให้ยัยทอมพักที่นี่ด้วยรึ ที่บ้านเรานี่นะจันทร์?”
“ถ้าไม่ใช่ที่บ้านเราแล้วจะเป็นบ้านไหนอีกล่ะคะ
พี่ก็ถามอะไรแปลกๆ เน๊าะฝัน ไปเถอะพวกเราขึ้นไปดูห้องนอนจันทร์
คิดถึงห้องแทบแย่จากไปตั้งนาน”
รพัทธ์ได้แต่ยืนมองตามสองสาวเดินขึ้นบ้านตาปริบๆ
ทำหน้าเหมือนไม่ได้ถ่ายทุกข์มาหลายวัน
นึกหนักใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นน้องสาวสนิทกับพาฝันซึ่งมีลักษณะคล้ายทอมบอย
จนไม่เห็นเขาในสายตา กลัวว่าน้องสาวจะกลายเป็นหญิงรักร่วมเพศขึ้นมาก็ปานนั้น
เวลานั้นสมองรพัทธ์เริ่มทำงานอย่างหนัก
คิดวางแผนการชั่วร้ายเพื่อกำจัดพาฝันให้พ้นออกไปจากน้องสาว เขาจะต้องทำทุกวิถีทางแม้แต่สิ่งชั่วร้ายนั้น
ชายหนุ่มได้แต่ให้คำมั่นกับตัวเอง
**********
“เธอต้องการอะไรกันแน่ยัยทอม?”
พอลับหลังน้องสาว
พี่ชายผู้แสนดีก็กลายเป็นยักษ์ใจร้ายทันที
“ทำไมลุงถึงมองคนอื่นในแง่ลบแบบนี้ล่ะ?”
“แล้วเธอมาตีสนิทกับน้องฉันทำไม
แถมจะมาพักด้วยนี่หวังอะไรกันแน่ สารภาพมาซะดีๆ”
“เฮ้ย! ลุงนี่ฉันยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยจะมาใส่ร้ายยัดข้อหาอะไรให้ฉันแบบนี้ได้ยังไง
ประสาทชะมัด คนแบบนี้ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ”
พาฝันช้อนตาขึ้นมองคุณลุงตัวโตที่กำลังก้มมามอง
ตาแทบปลิ้นถลน
“ขอเตือนเลยนะยัยทอม
มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย ห้ามมาเกาะแกะน้องฉัน หรือแม้แต่จะคิดล่อลวงน้องฉัน
อย่าหลอกใช้ความใจดีของยัยจันทร์เป็นเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน
จำใส่กะโหลกเล็กๆ ของเธอเอาไว้ให้ดียัยทอม”
รพัทธ์ขู่ฟ่อ
ขบกรามจนเป็นสันนูน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน
ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ
“ฝันหวานไปเถอะลุง
พรุ่งนี้ฉันก็จะพักอยู่ที่นี่อีก ไม่ไปไหนหรอก”
“นี่! ยัยทอมจะมากเกินไปแล้วนะ
อยากลองดีนักใช่ไหมถึงได้ริบังอาจมาขัดคำสั่งฉัน”
ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด
ที่อะไรดูเหมือนไม่เป็นไปตามใจปรารถนา และยิ่งต้องมาเจอกับเด็กสาวแสบซ่าส์แบบพาฝันด้วยแล้ว
เธอทำให้เขาหัวหมุนจนแทบอยากกระโดดเข้าขย้ำคอหอยของหล่อนให้รู้แล้วรู้รอด
รพัทธ์คิดหาวิธีกำจัดเด็กสาวไม่ออกในตอนนั้น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้ว่าเพศตรงข้ามทุกรายต้องสยบให้เขา นั่นก็คือความหล่อ
ความร่ำรวย มีหรือที่เด็กสาวตรงหน้าจะไม่หวั่นไหว
ชายหนุ่มเดินเข้าไปประชิดเด็กสาวที่ถอยร่นไปจนชนกับกำแพง
“จะทำอะไรลุง?”
พาฝันเงยหน้าจ้องมองเขาตาไม่กะพริบร่างกำยำใช้สองมือค้ำยันกับกำแพงคร่อมร่างหล่อนไว้
พร้อมกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นเด็กสาวทำตัวเล็กลีบเหมือนกลัวเขา
“ตาเฒ่าออกไปนะ
ถ้าไม่ออกจะหาว่าไม่เตือน”
เด็กสาวขู่บ้าง
รพัทธ์โน้มใบหน้าลงมาจนชิดใบหน้าเนียนใสของพาฝัน
“ตาเฒ่ายังงั้นรึ
งั้นมาลองรสจูบจากตาเฒ่าคนนี้ดูหน่อยเป็นไรยัยเด็กเมื่อวานซืน”
ริมฝีปากของพาฝันถูกประกบแน่นด้วยริมฝีปากของรพัทธ์
ชายหนุ่มสอดส่ายลิ้นเข้าไปในปากเล็กที่พยายามต่อต้าน
เขาสวมกอดหล่อนไว้แน่นราวกับงูเหลือมรัดเหยื่อ
พาฝันได้แต่ดิ้นหลุกหลิกแต่ไม่อาจต่อต้านกรงแขนแข็งแรงของรพัทธ์ได้
ความแข็งแกร่งของเขาแม้แต่วิชาหมัดมวยที่หล่อนเรียนมาก็ทำอะไรเขาไม่ได้
ความช่ำชองและจัดเจนในเรื่องเล้าโลมให้เพศตรงข้ามเกิดอารมณ์ใคร่ของรพัทธ์นั้นนับว่าเป็นที่เลื่องลือในกลุ่มสาวๆ
ไฮโซ เขาทำให้ผู้หญิงหลายคนใจละลายและใจสลายมานักต่อนัก
ชายหนุ่มนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อสังเกตเห็นเด็กสาวตรงหน้าอีกคนกำลังตกลงไปในหลุมพรางสวาทของเขา
“ลุงปล่อยสิ”
พาฝันใช้มือผลักร่างกำยำที่พยายามระดมจูบหล่อนนัวเนีย
“เป็นไง ทีนี้ยังจะกล้าเรียกตาเฒ่าอยู่อีกหรือเปล่า?”
“แหวะ!”
เด็กสาวใช้มือปาดริมฝีปากอย่างแรงพร้อมทำท่าขยะแขยง
“ทำไม
จูบฉันถึงกับทำให้เธอคลั่งเลยเหรอ?”
“เปล่า…น้ำลายลุงเหม็น”
คำพูดพาฝันตบหน้ารพัทธ์หงายตึง
“ยัยเด็กบ้า! ผู้หญิงทุกคนคลั่งจูบฉันกันทั้งนั้น”
“แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงในสต๊อกของลุงนี่
จะเหมือนกันได้ยังไง”
“อ้อ! รู้แล้ว ก็เธอมันเป็นทอมนี่นะลืมไป”
“ห๊ะ! ตัวเองจูบห่วยแตกต่างหาก
มันเกี่ยวอะไรกับช้าน”
เด็กสาวเริ่มดูถูกเขา
รพัทธ์ใช้นิ้วดีดหน้าผากหล่อนเบาๆ
“แล้วเธอจูบเก่งนักรึไงยัยทอมถึงได้มาดูถูกเซียนจูบแบบฉัน”
“จูบแบบลุงมันล้าสมัยแล้ว
ถ้าเป็นวัยรุ่นสมัยนี้เขาไม่เรียกว่าจูบหรอกแบบนี้”
พาฝันกล่าวเยาะหยัน
ขณะที่หัวใจหล่อนก็เต้นโครมครามไม่หยุดเพราะจูบของเขา
แถมเป็นจูบแรกของเธออีกเสียด้วย
แต่หล่อนก็ทำเป็นพูดเก่งไปอย่างนั้นเองเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง
“แล้วแบบไหนที่เรียกว่าจูบของเธอ?”
รพัทธ์ทำหน้าสงสัย
หลงเชื่อคำพูดเด็กสาวสนิทใจ
“เอ่อ
ถ้าอยากรู้ก็หลับตาสิแล้วจะสอนให้เอาบุญ”
พาฝันกล่าว
ข่มความกลัวเอาไว้สุดขีด นึกในใจว่า อีตาลุงคนนี้หลอกง่ายชะมัด
ขณะที่รพัทธ์ก็เริ่มทำตามที่หล่อนสั่ง เขาหลับตาพริ้ม คิดว่าเด็กสาวจะสอนวิธีจูบแบบเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่ให้อย่างที่บอก
“แล้วไงต่อ?”
“อย่าเพิ่งลืมตานะ
จนกว่าจะบอก”
กล่าวจบพาฝันก็เผ่นแน่บไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
พอลืมตาไม่พบเด็กสาว รพัทธ์ถึงรู้ว่าถูกหล่อนต้มจนเปื่อย
ไม่มีความคิดเห็น:
โพสต์ความคิดเห็น