นิยายออนไลน์ อุ่นรักอ้อมกอดใบชา
1
พ่อเลี้ยงคนใหม่
“คุณใหญ่ครับจะให้ทำยังไงกับเด็กคนนั้นดี”
ทุกอย่างน่าจะราบรื่นดังที่วาดฝัน หลังจากตัดสินใจเดินทางจากอเมริกามารับมรดกไร่ชาที่เชียงรายจากคุณปู่ผู้ล่วงลับซึ่งทำพินัยกรรมทิ้งไว้ให้เขา
แต่กลับไม่เป็นไปตามนั้น
“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ
แค่นี้ต้องให้ถึงมือผมด้วยรึลุงเดชไล่ไปให้พ้นๆ เลยไป มากวนใจผมอยู่ได้ตั้งแต่เช้านี่ก็อาทิตย์หนึ่งแล้วยังไม่ย้ายออกไปอีก”
‘แดนตะวัน เดชนฤบดี’พ่อเลี้ยงคนใหม่วัย 35ปีแห่งไร่ชาสิงห์ทอง กล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวถ้วยชาที่ถืออยู่ในมือถูกวางกระแทกกับพื้นโต๊ะเสียงดังปัง!
อย่างไม่สบอารมณ์
“บ้าชิบ!”
ทนมาหลายวันแล้ว
ตอนแรกที่เงียบอยู่เพราะยังเกรงใจอีกฝ่าย ด้วยได้ยินจากคนรับใช้เก่าแก่อย่าง ‘ลุงเดช’
ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงคนโปรดของคุณปู่เขา ท่านได้อุปถัมภ์เลี้ยงดูมาตั้งแต่แรกเกิด
เพราะมารดาซึ่งเป็นคนงานในไร่ทิ้งไว้ แล้วหนีหายสาบสูญไม่ยอมกลับมารับเด็กคนนั้นอีกเลย
จนบัดนี้เด็กสาวผู้นั้นอายุ 23ปีบริบูรณ์ก็น่าจะพอได้แล้วสำหรับหน้าที่การดูแลรับผิดชอบคนคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
แถมไม่ใช่ญาติ หรือคนรู้จัก
“คุณปู่ผมท่านก็เสียไปแล้วตั้งเกือบปี
ทำไมเด็กคนนั้นถึงยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ”
ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยสักนิดกับพฤติกรรมของคนงานที่นี่
รวมทั้งเด็กสาวคนนั้น
เขาคิดว่า คนพวกนั้นก็ไม่ต่างจากปลิงดูดเลือดดีๆ
นี่เอง สองอาทิตย์ก่อนเมื่อเดินทางมาถึงไร่เขาได้เรียกผู้จัดการและหัวหน้าคนงานในไร่ทั้งหมดมาประชุมเพื่อปรับเปลี่ยนแผนงานและตำแหน่งใหม่
แน่นอนว่า คนงานเหล่านั้นย่อมไม่พอใจในวิธีการการบริหารงานของเขา
เพราะเคยชินกับการทำตัวตามสบายทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ขาดระเบียบวินัย
“พวกเราไม่ยอม พวกเราไม่ยอม”
เสียงประท้วงดังขึ้นหลังจากนั้นนั่นก็เป็นอีกเรื่องที่สร้างความปวดหัวให้เขาไม่น้อย
และที่หนักยิ่งกว่าก็คือ คนที่คอยยุแหย่ให้คนงานแข็งข้อกับเขานี่สิ
“ถ้ายังไม่ไปก็ให้โทร.แจ้งตำรวจได้เลย ดื้อด้านดีนัก”
“จะดีหรือครับคุณใหญ่ที่จะไล่หนูใบชาออกไปจากไร่ตอนนี้
ผมว่าพวกคนงานต้องไม่ยอมแน่ๆ ถึงอย่างไรเธอก็เติบโตที่นี่
แถมยังเป็นที่รักของคนงานทุกคนอีก”
“นั่นแหละปัญหา
ถ้าผมให้เด็กคนนั้นอยู่ที่นี่ แล้วใครจะเชื่อฟังผม”เพื่อดับไฟตั้งแต่ต้นลมก็คงมีวิธีนี้วิธีเดียว
แดนตะวันคิด
“เอ่อ...คุณใหญ่ผมว่าน่าจะ...”
“นี่ลุงกำลังจะแข็งข้อกับผมเหมือนคนงานพวกนั้นอีกคนรึไง”เขาตะเบ็งเสียง
พ่อบ้านใหญ่วัยหกสิบตอนต้นสะดุ้งโหยงลนลานกล่าว“ปละ เปล่าครับ ผมไม่กล้าหรอก”
นึกไม่ถึงว่า เด็กชายตัวเล็กๆ ที่เขาเคยรู้จักสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
บัดนี้อเมริกาได้พรากนิสัยอบอุ่นอ่อนโยนของเขาไปจนหมดสิ้น
**********
“ว่าไงคะลุงเดช คุณใหญ่ท่านว่ายังไงบ้างจ๊ะ”
‘พัดชา แสงนิรันดร์’ หรือที่ทุกคนในไร่ชาสิงห์ทองแห่งนี้ชอบเรียกหล่อนว่า
คุณหนู ‘ใบชา’ลุกพรวดจากม้านั่งหน้าบ้านทันทีเมื่อเห็นพ่อบ้านใหญ่เปิดประตูออกมา
ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนเพิ่งกินยาขมมาสิบถ้วยแบบนั้น
หญิงสาวเดาได้ทันทีว่าต้องไม่ใช่ข่าวดีที่รอคอย ที่ใจหายก็คือ เธอต้องออกจากไร่ชาซึ่งเป็นเสมือนบ้านเกิดแห่งนี้ไปตลอดกาล
เพราะความเข้าใจผิดของแดนตะวัน
คิดว่าเธอเป็นคนเสี้ยมสอนให้คนงานในไร่แข็งข้อไม่เชื่อฟังเขา
“คงยากที่จะเกลี้ยกล่อมคุณใหญ่เวลานี้
ลุงจนปัญญาจริงๆ ขอโทษด้วยที่ลุงเป็นผู้ใหญ่เสียเปล่าแต่ก็ช่วยอะไรหนูไม่ได้เลย”
คิดแล้วเชียว
พัดชานึกในใจเมื่อได้ยินจากปากลุงเดช ท่าทางหยิ่งยโสแบบนั้น
เขาคงไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ หรือกลับคำพูดที่เคยลั่นออกไปแล้วแน่นอน
“ฉันไม่ชอบขี้หน้าเธอ
ถ้าฉันไม่ชอบใครก็คือไม่ชอบ เตรียมตัวย้ายข้าวของออกไปจากไร่นี้ซะ ให้เวลาหนึ่งอาทิตย์คงพอนะ”
อาทิตย์ก่อนเจ้าของไร่คนใหม่ยื่นคำขาดกับเธอแบบนั้น
แต่เธอก็ยังไม่เชื่อว่าเขาพูดจริงจนเมื่อเช้านี้ เขาสั่งให้คนงานชายสามสี่รายบุกไปไล่เธอออกจากบ้านชมดาวบ้านที่คุณปู่ของเขาสร้างให้เป็นของขวัญในวันที่เธอสำเร็จปริญญาตรีจากเชียงใหม่เมื่อปีที่แล้ว
แต่หลังจากที่ท่านจากไปด้วยโรคหัวใจล้มเหลวในเวลาต่อมา พอหลานชายแท้ๆ กลับมา
เธอก็ไม่ต่างจากหมาหัวเน่าตัวหนึ่ง
“บ้านหลังนี้ปู่ยกให้หลาน
ถ้าปู่ไม่อยู่แล้วหลานก็อยู่ที่นี่ไปได้ตลอดเลยนะ จะนานแค่ไหนก็ได้
เท่าที่หนูต้องการ ไม่ต้องย้ายไปไหนหรอก”
แม้อดีตเจ้าของไร่จะพูดไว้แบบนั้นกับเธอตอนยังมีชีวิต
แต่ในทางกฎหมายเธอก็ยังเป็นเพียงแค่ผู้อาศัย
เนื่องจากไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรและลงนามโดยผู้เป็นเจ้าของให้เธอมีสิทธิ์ในบ้าน
หรือมรดกใดๆ
“เขามีสิทธิ์อะไรมาไล่หนูออก
หนูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” เธอก็แค่รู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมที่จู่ๆ
เขาก็ไล่เธออย่างไม่มีเหตุผลหากจะว่าไป เธอต่างหากที่เป็นคนคอยอยู่เคียงข้างคุณปู่ของเขามาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต
ขณะที่เขากับครอบครัวได้อพยพไปอยู่อเมริกากันหมดเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เธอเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาดูโลก
และทิ้งคุณปู่ให้อยู่กับคนงาน ส่วนกิจการไร่ชาแห่งนี้ก็เหมือนกัน ตอนแรกก็แค่ส่งขายภายในประเทศจนกระทั่งเมื่อห้าปีก่อนขณะเรียนมหาวิทยาลัย
ด้านการบริหารธุรกิจ เธอได้เกิดไอเดียในการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตและโซเชียลเข้ามาโปรโมทไร่
และผลิตภัณฑ์จากใบชา รวมทั้งรีสอร์ต จนทำให้ธุรกิจไร่ชาสิงห์ทองเจริญเติบโตกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
แต่แล้วจู่ๆ แดนตะวันที่ไม่เคยมาสนใจอะไรกับไร่ชาเลยก็โผล่มารับช่วงกิจการแค่นั้นยังไม่พอ
ยังไล่คนงานซึ่งเป็นคนเก่าแก่ออกหลายคนด้วยเห็นว่า อายุมากและทำงานช้าลง เมื่อเธอพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ
แดนตะวันกลับแสดงความไม่พอใจ หาว่าเธอเลี้ยงไม่เชื่องและไล่เธอออกอีกคน
“ถ้าจะดันทุรังสู้กับคุณใหญ่ตอนนี้ลุงคิดว่าก็คงไม่ชนะง่ายๆ
และเขาคงไม่ยอมรับฟังเหตุผลหรอก อาจเป็นเพราะเขาไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมานาน
วิธีคิดก็คงจะเปลี่ยนไป เคยได้ยินแต่คนเขาว่ากันว่า ยิ่งห่างบ้านเกิดเมืองนอนไปนานรากเหง้าเผ่าพงศ์หลงลืม...ตอนนี้ลุงชักจะเชื่อแล้วว่าเป็นความจริง
ลุงแนะนำให้หนูเก็บแรงไว้คิดหาที่อยู่ใหม่ก่อนดีกว่า”
“แล้วลุงจะให้หนูไปอยู่ไหนคะ ก็หนูเกิดที่นี่
โตที่นี่ พ่อแม่ก็ทิ้งไป หนูมีแต่คุณปู่ที่เป็นครอบครัวหนู
แบบนี้เขายังจะใจดำไล่หนูไปอยู่อีกเหรอคะลุง”
เธอสะอื้นไห้เสียงดัง
สุดจะอดกลั้นเอาไว้ได้อีก มองย้อนกลับไป ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยรู้สึกแย่เท่านี้มาก่อน
แม้ตอนเด็กจะถูกเด็กคนอื่นๆ ดูถูกที่ไม่มีพ่อแม่
แต่เธอก็ยังมีคุณปู่สิงห์ทองคอยให้กำลังใจ พอเติบโตขึ้น คุณปู่ได้สอนให้เธอใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญ
สอนเรื่องธุรกิจไร่ชา และปลูกฝังจิตวิญญาณเธอให้เป็นส่วนหนึ่งกับไร่ชาแห่งนี้
ชีวิตการเป็นชาวไร่กลายเป็นส่วนหนึ่งในมหาวิทยาลัยชีวิตทั้งหมดที่เธอเรียนรู้
และเธอไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อยว่าจะต้องออกจากที่แห่งนี้ไป
“เขาทำเกินไปแล้ว!”เธอคิด เมื่อก่อนเธอเคยชื่นชมเขา
เพราะคุณปู่คอยพูดถึงความดีของเขากรอกหูบ่อยๆ
แต่ตอนนี้เธอเกลียดความเผด็จการของเขาและเป็นครั้งแรกที่เธอคิดว่า ถูกอีกฝ่ายดูหมิ่นเหยียดหยามในศักดิ์ศรี
บีบบังคับให้เธอออกจาก ‘บ้าน’หลังเดียวที่เธอรู้จัก
“หนูทำผิดอะไรคะคุณใหญ่ ทำไมคุณถึงใจร้ายนัก
ทำแบบนี้กับหนูทำไม ฮือ ฮือ”เธอตะโกนถามเขา หวังว่าเขาจะได้ยิน
แต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงลมพัดออกมาจากประตูใหญ่
“เด็กน้อยเอ๊ย! เธอไม่ผิดหรอก” ชายชราตอบแทนผู้อยู่ข้างใน
พลางตบไหล่เล็กที่สั่นเทิ้มตามแรงสะอื้น
“ที่ผิดก็เพราะเราเกิดมาเป็นลูกน้องเขานี่แหละ”
ปกติพัดชาเป็นคนเข้มแข็งเสมอ
เขาไม่เคยเห็นเด็กสาวร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นๆ เลยตั้งแต่เล็กจนโต
จนกระทั่งวันที่อดีตพ่อเลี้ยงจากไป ดูเหมือนเขาจะเห็นด้านที่อ่อนไหวเกิดขึ้นกับหล่อนบ่อยๆ
และดูเหมือนครั้งนี้ก็เช่นกัน ความอดทนของหล่อนคงจะพังทลายไปตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว
เมื่อถูกแดนตะวันสั่งให้คนงานไปไล่ออกจากบ้าน
“เอาแบบนี้นะ หนูรออยู่ตรงนี้ก่อน
ลุงจะลองเข้าไปขอร้องคุณใหญ่ให้อีกที ถ้าไม่ได้ผลจริงๆ ก็คงต้องใช้แผนอื่น”
ลุงเดชเองก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะเกลี้ยกล่อมแดนตะวันได้ผลหรือเปล่า
เขาไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ เหมือนยี่สิบปีก่อนอีกต่อไป แต่เป็นชายหนุ่มเต็มตัว
ที่ดูเหมือนจะไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ เสียด้วยสิ
พัดชานั่งรออยู่ตรงม้านั่งหน้าบ้านตรงที่เดิม
แต่สักพักก็ต้องลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมา คอยชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้านที่เงียบจนผิดปกติ
ความเงียบนั้นยิ่งบีบรัดหัวใจเธอเป็นทวีคูณ
ใครจะรู้ ไม่มีใครรู้
มีเพียงแดนตะวันเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินให้เธออยู่หรือไป
สักพักใหญ่ชายสูงวัยก็เดินออกมา
ใบหน้าเหี่ยวย่นด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแต่ก่อนมองดูหดหู่อยู่แล้ว
เวลานี้มันทำให้หญิงสาวนึกไปถึงวันสิ้นโลก
“ไม่ได้หรือคะ”
ลุงเดชส่ายหน้าแทนคำตอบ
ขณะที่ไหล่ของพัดชาก็ตกวูบ น้ำตาแห่งความสิ้นหวังไหลรินออกมาอีก
เขาเห็นเธอทรุดนั่งลงกับพื้น ไม่ได้สนใจไยดีอะไรอีก แล้วถ้อยคำมากมายจากอดีตพ่อเลี้ยงเจ้าของไร่ก็ผุดขึ้นในหัวของลุงเดช
“ถ้าฉันไม่อยู่ นายช่วยดูแลหนูใบชาแทนฉันด้วยนะเดช
อย่าให้เธอมีชีวิตลำบากเหมือนแม่ที่ทิ้งเธอไป”
“ถ้าสมมุติว่า
สมมุตินะขอรับพ่อเลี้ยง ถ้าหากคุณใหญ่กับครอบครัวไม่ยอมรับในเรื่องที่ท่านต้องการให้หนูใบชาอยู่ที่นี่ล่ะขอรับ”ไม่คาดคิดว่า
สิ่งที่เขาเคยสมมุติไว้จะเกิดขึ้นจริงๆในวันนี้
“ไม่มีวันนั้นหรอก นิสัยหลานฉัน
ฉันรู้ดี เจ้าใหญ่เขาเป็นคนจิตใจกว้างขวาง มีเมตตาตั้งแต่เด็ก ถึงมองดูนิ่งๆ ดุๆ
ไปบ้างแต่ฉันรู้ดีว่าธาตุแท้เขาไม่ใช่คนใจร้ายใจดำหรอกเขาจะต้องเมตตาหนูใบชามากกว่าทุกคน
เพราะเด็กคนนั้นทั้งเก่ง ฉลาดและน่ารัก เธอเป็นนักการตลาดมือทองของไร่เรา นายอย่าลืมสิ
ถ้าเจ้าใหญ่มองคนไม่ออกก็คงโง่เต็มที นายไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นนักหรอก เพราะถ้าเกิดเรื่องนั้นขึ้นจริงๆ
ฉันก็ยังมีแผนสำรอง”
“แผนสำรองอะไรหรือขอรับพ่อเลี้ยง”
“พินัยกรรมลับฉบับสำรอง
ถ้าถึงคราวจำเป็นค่อยเอาออกมาให้ทนายพิชัยเป็นคนประกาศก็แล้วกัน ห้ามเปิดอ่านก่อนเด็ดขาดหากไม่จำเป็น”
ถึงเวลาแล้วสินะ ลุงเดชคิด เวลานี้คงต้องงัดเอาแผนสำรองออกมาใช้เสียแล้วกระมัง
ไม่มีความคิดเห็น:
โพสต์ความคิดเห็น