บทที่ 1/2
“ฝนตกอีกแล้ว
ให้ผมไปส่งไหมครับ”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง
รัถยาที่กำลังยืนจ้องสายฝนเบื้องหน้าอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง
“คุณธาวินเองหรือคะ
คิดว่าคุณยังอยู่ที่งานเลี้ยงเสียอีก”
“เบื่อครับ
และผมไม่อยากกลับดึก พรุ่งนี้ยังมีงานด่วนต้องสะสางให้เสร็จด้วยจึงแอบหนีออกมาก่อน”
ชายหนุ่มกล่าว ขณะที่สายตาจดจ้องมองหญิงสาวตรงหน้ายิ้มๆ
ที่จริงเขาเห็นหล่อนเดินออกมาจากลิฟต์จึงปลีกตัวจากงานเลี้ยงติดตามหล่อนมา
“ท่าทางฝนคงตกหนักอีกนานกว่าจะหยุด
ถ้าคุณไม่รังเกียจให้ผมไปส่งคุณนะครับ”
หญิงสาวยืนนิ่งเหมือนลังเลอยู่ชั่วขณะ
พอทอดสายตามองออกไปด้านนอกเห็นฝนที่เทลงมาอย่างหนักหน่วงก็แอบถอนหายใจเบาๆ
“จะไม่เป็นการรบกวนคุณธาวินหรือคะ
บ้านดิฉันอยู่แถวสุขุมวิท”
“ไม่หรอกครับ ผมอยู่แถวสมุทรปราการ
พอส่งคุณเสร็จผมก็แค่ขับรถกลับบ้านตามปกติเหมือนทุกวัน ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ”
“จริงหรือคะ
ไม่ยักรู้ว่าคุณอยู่สมุทรปราการ”
หล่อนกล่าวเหมือนโล่งอกเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น
“นี่เรียกว่าพรหมลิขิตสินะครับ”
ธาวินกล่าวหยอกล้อ
พร้อมกับหัวเราะขึ้นเบาๆ แต่ทำเอาอีกฝ่ายกลับหัวเราะไม่ออก
“ผมแค่ล้อเล่นน่ะครับ
พวกเราไปกันเถอะรถผมจอดอยู่ลานจอดรถผู้บริหารด้านใน”
ชายหนุ่มเดินนำหน้าหญิงสาวไปที่รถ
รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดว่ากำลังจะได้กลับบ้านพร้อมผู้หญิงที่เขาแอบสนใจมาตลอด
ขณะที่รัถยากลับคิดกังวลถึงอีกคนซึ่งกำลังทำงานอยู่บนตึก
วันนี้แม้จะเป็นวันสุดสัปดาห์ของการทำงาน
และมีงานเลี้ยงฉลอง แต่ภูวดลก็ยังคงกลับไปทำงานตามปกติและกว่าจะกลับเข้าบ้านก็คงเที่ยงคืนหรือตีหนึ่งโน่นแหละพอวันหยุดก็ยังต้องตื่นมาทำงานอีก
ราวกับว่าในชีวิตของเขาไม่มีสิ่งอื่นใดน่าสนใจทำนอกเหนือจากงาน
ธาวินขับรถมาส่งหล่อนถึงหน้าบ้านพัก
แล้วก็กลับไป พอเข้าบ้าน อาบน้ำเสร็จ รัถยาก็เข้านอน คืนนั้นหล่อนหลับเป็นตาย
เพราะความอ่อนเพลียจากการทำงานเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน
พอรุ่งสางประมาณตีห้าครึ่งซึ่งถือเป็นเวลาปกติของทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หญิงสาวต้องตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติเพื่อล้างหน้า
แปรงฟัน และแต่งตัวอย่างสุภาพแม้จะเป็นวันหยุดก็ไม่ละเว้นจากนั้นจึงออกจากบ้าน
เดินเท้ามุ่งหน้าไปตามถนนสายหลักของหมู่บ้าน “ภูสรวง”ที่เป็นหมู่บ้านจัดสรรของคนชนชั้นกลางถึงระดับมหาเศรษฐี
สุดปลายทางของหมู่บ้าน ซึ่งนับระยะทางได้ประมาณ 1,000
เมตรคือจุดหมายของหญิงสาว
รัถยาชื่นชอบบรรยากาศยามเช้าเป็นพิเศษ
เพราะเงียบสงบ ปราศจากผู้คนและเสียงรบกวนเวลาเดินบนถนนสายนี้ไปตามลำพังตลอดสามปี
ทำให้หล่อนเหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองจากความยุ่งยากวุ่นวายทั้งปวง
ตลอดสองข้างทางที่ทอดยาวนั้นประดับประดาด้วยต้นลีลาวดีและสัตตบรรณ
พอถึงช่วงฤดูผลิดอก ดอกไม้สองชนิดจะแข่งกันโชยกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วหมู่บ้านภูสรวง
รัถยาคิดว่าคงมีเพียงหล่อนเท่านั้นที่ล่วงรู้ความลับของมัน
ปริศนาที่มาของความหอมเหล่านั้นจะปลุกระบบประสาททุกส่วนของมนุษย์ให้ตื่นตัวและสดชื่นที่สุดก็ตอนรุ่งเช้านี้เอง
**********