๓…
ข้อเสนอที่ไม่ได้คาดหวัง (1)
ทุกครั้งที่เดินทางไปทำธุระนอกบ้านเพียงลำพัง
พอกลับเข้าบ้านอีธานมักจะบ่นถึงประสบการณ์ที่ไม่คาดคิดไม่คาดฝันให้ภรรยาฟังเสมอ
วันนั้นก็เช่นกัน
อีธานหัวเสียอย่างหนัก หน้าบูดบึ้งตั้งแต่เปิดประตูห้องเข้ามา
“ไปเจออะไรมาอีกล่ะคราวนี้มิสเตอร์เอเลี่ยน
หน้าเครียดเชียว?”
พีรดาเดาออกทันทีว่าสามีต้องเจอกับสถานการณ์ชวนขนหัวลุกกลับมาอีกแน่
เพราะตลอดเวลาที่อีธานอยู่เมืองไทยมักมีเรื่องราวไม่คาดฝันเข้ามาทดสอบเขาเป็นประจำ
“ผมเจ็บใจ
เกิดมาไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น คนอาไร้หน้าเงินชะมัด แถมเลือดเย็น ไร้สำนึก”
เขาบ่นอย่างหัวเสีย
ตัวสั่นงันงกเพราะความโกรธยังไม่ทันจางหาย ทำให้พีรดานึกแปลกใจ
เดินไปนำน้ำจากตู้เย็นมาให้เขาดื่ม
จากนั้นก็นั่งลงฟังเขาเล่าอย่างใจเย็นเช่นทุกครั้ง
พอดื่มน้ำเสร็จ
อีธานก็เริ่มเล่าเป็นฉากๆ ทั้งแสดงสีหน้าท่าทางประกอบ ชวนตื่นเต้นจนคนฟังแทบลืมหายใจ…
หลังจากช็อปปิ้งเสร็จ
อีธานได้เดินออกจากห้างสรรพสินค้า ในมือถือข้าวของพะรุงพะรัง
จึงตัดสินใจโบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง
คนขับรายนั้นพอพูดภาษาอังกฤษได้บ้างก็เริ่มชวนเขาพูดคุยเป็นน้ำไหลไฟดับ
แต่แทนที่เจ้าหนุ่มจะแนะนำคนต่างด้าว
หรือเอเลี่ยนอย่างเขาในทางสร้างสรรค์กลับแนะนำตัวเองว่าเขาคือ เอเจนซี่ขายเนื้อสด
มันน่าภาคภูมิใจไหมล่ะ เป็นคนขับแท็กซี่อย่างเดียวไม่พออยากอวดมากว่ามีอาชีพเสริมหลายอย่าง
พอมิสเตอร์เอเลี่ยนได้ฟังครั้งแรกก็นึกทะแม่งๆ อยู่ในใจว่าไอ้คนนี้จะมาไม้ไหนกันนะ…
จากนั้นเจ้าหนุ่มก็เริ่มพลิกบทบาทจากคนขับแท็กซี่เปลี่ยนไปเป็นเอเจนซี่ขายเนื้อสดเต็มตัวทันที
พูดเป็นต่อยหอยเพื่อเสนอขายเด็กสาวให้กับเอเลี่ยนอย่างอีธาน
“ผมมีเด็กอายุ 14-
15 ปี ถ้ามิสเตอร์สนใจผมจะจัดส่งให้ถึงโรงแรมทันที ราคาแค่ 1,500
บาท”
พอมิสเตอร์เอเลี่ยนที่เถรตรงดุจดั่งไม้บรรทัดได้ยินเข้าถึงกับร้องอุทานเสียงดังจนซาตานในร่างแท็กซี่คนนั้นตื่นตกใจ
“อะไรนะ? นั่นมันรุ่นเหลนผมเลยนะ คุณปกติดีอยู่หรือเปล่า กุ๊กกูแมน!”
เจ้าคนขับแท็กซี่รายนั้นท่าทางจะเมายาค้าง
ยังเผือกดันทุรังเชียร์ธุรกิจตัวเองไปได้อีก
“ไม่เป็นไร ผมกับเด็กๆ
รู้จักกันไม่ผิดกฎหมายหรอก ไม่มีปัญหา เด็กๆ ก็อยากได้เงินใช้ ผมเป็นตัวแทน สบายๆ
มิสเตอร์”
ช่างกล้านะไอ้คนนี้
เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกับพ่อยอดชายไม้บรรทัดเรียกพี่เข้าเสียนี่
“คุณนี่ท่าทางจะละเลยในเรื่องมโนธรรมไปนานนะ
คุณเข้าใจหรือเปล่าไม่ใช่เพราะเหตุผลว่าคุณกับเด็กพวกนั้นรู้จักกันแล้วจะไม่ผิดกฎหมายนะ
แต่ทำแบบนี้มันเป็นเรื่องไม่สมควร คุณรู้จักคำว่าละอายต่อบาปไหมกุ๊กกูแมน…no
common sense!” อีธานกล่าวอย่างควบคุมอารมณ์ความรู้สึกเต็มที่
“ไม่บาป ไม่เป็นไรหรอก
สมัยนี้เจริญแล้ว ใครๆ เขาก็ทำกัน ไปดูที่ภูเก็ต พัทยา พัฒน์พงศ์
นานาสิถ้าไม่เชื่อ ขายกันตรึม”
แท็กซี่หัวหมอรายนั้นยังดันทุรังลื่นไหลไปได้อีก
และโชว์อ๊อฟเสียยกใหญ่
คิดว่าเอเลี่ยนที่เข้ามาในเมืองไทยก็คงหวังแค่เพียงอย่างเดียวนั่นแหละ
แต่คราวนี้เขาคงนึกประหลาดใจที่เอเลี่ยนเจ้านี้ไม่ยอมรับข้อเสนอง่ายๆ
ถึงจะเชียร์จนหน้าดำหน้าแดง ลดกระหน่ำเซลสะท้านแผ่นดิน
แต่เจ้าเอเลี่ยนสายพันธุ์ไม่ทราบที่มาก็ยังใจแข็ง แถมยังเลือดขึ้นหน้า
ด่าสาดใส่เอเจนซี่ขายเนื้อสดรายนั้นจนหน้าแหกหมอไม่รับเย็บไปหลายคำ
“ไอ้เหี้…ย! กุ๊กกูแมน! อีเดียด! ไปเกิดใหม่ซะเถิดไป้!
ร้อยชาติค่อยกลับมาเป็นมนุษย์ใหม่นะ เผื่อจิตวิญญาณมึงจะเรียนรู้อะไรดีๆ
กับคนอื่นเขาขึ้นมาบ้าง ฮึ่ม! เอเลี่ยนเซ็ง…จอดรถ กูจะลงตรงนี้แหละ!”
พอเล่าถึงตรงนี้
เอเลี่ยนอีธานก็ทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนจะอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง สุดท้ายเขาพูดตบท้ายอย่างสลดใจกับผู้เป็นภรรยาว่า
“โถ…ราคาชีวิตคนมีค่าเพียงแค่
1,500 บาทเองหรือ ทำไมมันถูกจัง?”
บทเรียนสุดประทับใจเกี่ยวกับคนขับแท็กซี่ชาวไทยก็จบไปอีกเรื่อง
ต่อมาข้อเสนอแบบนี้เอเลี่ยนอย่างอีธานก็ยังคงได้รับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
จากตอนแรกอีธานวาดหวังนักหนาว่าจะมาเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่อย่างสงบสุขที่เมืองไทย
แต่สิ่งที่พบกลับตรงกันข้าม ซึ่งไม่รู้จะหัวเราะ หรือร้องไห้ดี
เขาควรยิ้มและอ้าแขนต้อนรับเอาสิ่งแปลกใหม่ที่ต้องเผชิญอยู่ทุกวันหรือเปล่านะ…มันเป็นถ้อยคำถามที่เกิดขึ้นในสมองเล็กๆ
ของมนุษย์ธรรมดาที่ยังสุกๆ ดิบๆ คนหนึ่ง
และท้าทายต่อมกิเลสที่หลับใหลของอีธานทุกวินาที
ไม่มีความคิดเห็น:
โพสต์ความคิดเห็น