เอเลี่ยนสเตชั่น
(Alien Station
Live in Thailand)
นิยายเสียดสีสังคม, คอมเมดี้
เมื่อโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ผู้คนต่างดิ้นรนแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่ เพื่อหวังพบกับความแตกต่างที่ดีกว่า อีธาน
เปรียบเสมือนตัวแทนคนต่างด้าว (เอเลี่ยน)
ที่ออกเดินทางไปทั่วทุกมุมโลกเพื่อแสวงหาแผ่นดินอื่นในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างสงบสุข
และแล้วเขาก็เลือกประเทศไทย ตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิงไทยที่พบกันทางอินเทอร์เน็ต
เขาจะค้นพบโลกใหม่ในอุดมคติหรือไม่เมื่อมาอาศัยอยู่ในเมืองไทย
และอีธานกับผองเพื่อนต้องเผชิญกับอะไรบ้างเมื่อกลายมาเป็นเอเลี่ยนในต่างแดน
๑…
พบกัน ณ จุดเชื่อมฝัน
หนุ่มใหญ่ชาวออสเตรเลียเชื้อสายกรีกวัยสี่สิบตอนปลายรูปร่างสูงใหญ่
ใบหน้าเคร่งขรึม จมูกโด่ง คิ้วหนาดกดำ เดินเข็นรถเข็นซึ่งมีกระเป๋าเดินทางใบเขื่องสองใบก้าวออกมาจากประตูขาเข้า
ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความประหม่าและตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด
สายตาเริ่มสอดส่ายไปมารอบๆ เหมือนกำลังมองหาใครบางคนที่จุดนัดพบผู้โดยสาร
และแล้วดวงตาของเขาก็วาวโรจน์ขึ้นเมื่อมองไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง
ยืนห่างไปไม่ถึงสิบเมตรกำลังโบกไม้โบกมือและส่งยิ้มกว้างมาให้
“Welcome
back, my love.”
พีรดา
หญิงสาวชาวไทยวัยประมาณสามสิบต้นๆ กล่าวเป็นภาษาอังกฤษทักทาย
อีธาน
ละมือจากรถเข็นเดินเข้าไปสวมกอดหล่อนแน่น ดวงตาเขารื้นไปด้วยหยาดน้ำใสๆ
พร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวา และกล่าวกับหญิงสาวด้วยท่าทางตื่นเต้นยินดี
“ผมอยู่ที่นี่เพื่อคุณแล้วที่รัก”
แววตาของอีธานเปล่งประกายด้วยความสุข
ท่าทางของเขาเวลานั้นราวกับยกภูเขาออกจากอกเมื่อได้พบพีรดาอีกครั้ง
“คุณจินตนาการไม่ออกหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมบ้างก่อนหน้านั้น…”
เมื่อเข้าไปนั่งอยู่ในรถแท็กซี่
เขาก็เริ่มร่ายยาวถึงชีวิตอันสุดแสนระทึกใจกว่าจะได้มายืนอยู่ต่อหน้าเธอ
ท่าทางผ่อนคลายนั้น
ทำให้พีรดานึกประหลาดใจ จินตนาการไม่ออกอย่างที่เขาบอกจริงๆ
และอดนึกถึงครั้งแรกที่เจอกับอีธานไม่ได้
หลังลาออกจากงานผู้สื่อข่าวมาเขียนหนังสือเต็มตัวเมื่อหนึ่งปีก่อน
วันหนึ่งพีรดาก็ได้พบกับอีธานผ่านทางโลกออนไลน์ เมื่อสนทนากันทางอินเทอร์เน็ตนานหลายเดือน
หล่อนกับเขาจึงได้นัดพบกันที่มุมหนึ่งของกรุงเทพฯ
ตอนนั้นพีรดาจำได้ว่าอีธานเดินทางมาเที่ยวกรุงเทพฯ
เป็นเวลาสองสัปดาห์ ครั้งแรกที่เจอกันตัวเป็นๆ หล่อนรู้สึกถูกชะตากับเขาไม่น้อย
เช่นเดียวกับอีธาน เขาบอกพีรดาว่าเธอคือคนที่เขาตามหามานาน
“คุณคือกระดูกข้างของผม
พระเจ้าสร้างคุณมาเพื่อผม”
หลังจากนั้นอีธานก็กลายเป็นเสมือนเพื่อนคู่หูคู่ฮาของเธอไปโดยปริยาย
เขามักสร้างเสียงฮาให้เธอเสมอ เนื่องจากอีธานเป็นคนค่อนข้างเถรตรง
คำพูดของเขาบางครั้งก็บาดลึก บางทีก็ชวนขบคิด แต่ในบางขณะเวลาก็กลายเป็นเรื่องตลกขบขัน
ทำเอาคนฟังสับสนและปวดกบาลอยู่บ่อยๆ เมื่อพีรดาย้อนถามว่า
“ถ้าฉันเป็นกระดูกข้างของคุณ แล้วรู้ไหมว่าเป็นกระดูกซี่ไหน ข้างไหน?”
สามีเอเลี่ยนของเธอก็ได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่ก
ส่ายหัวโคลงเคลงไปมา ก่อนจะตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า
“เรื่องนี้ต้องกลับไปถามเอากับพระเจ้าแล้วล่ะ พระองค์คงจะตอบได้กระจ่างกว่าผม
โฮะๆๆ”
“เวรกรรม…ถ้ายังงั้นฉันต้องตายก่อนล่ะสิถึงจะได้รู้ความจริง”
พีรดาไม่รู้ว่าการโคจรมาพบกับอีธานมันคือพรหมลิขิต
หรือพระเจ้าดลบันดาลให้หล่อนได้พบกับเขาด้วยวัตถุประสงค์ใดกันแน่ แต่สำหรับอีธานแล้ว
เขามักกล่าวกับพีรดาเสมอว่าเธอคือ ความหวังทั้งหมดที่เขามี…
ตั้งแต่การพบกัน ณ จุดเชื่อมฝันทางโลกออนไลน์จนตัดสินใจแต่งงานกันแบบเรียบง่าย
จากนั้นโลกใบเล็กๆ
ที่เคยเงียบสงบและจืดชืดของพีรดาก็เปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ซึ่งก็คงไม่แตกต่างจากชีวิตของอีธาน
โลกใบใหม่ที่พวกเขาได้ตัดสินใจเข้าไปอาศัยอยู่นั้นก็เปรียบได้กับสถานีชีวิตทดลองซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้คนจากหลากหลายที่มา
แต่ละชีวิตต่างก็ดิ้นรนแสวงหาบางสิ่งบางอย่างด้วยความหวัง และปรารถนาจะค้นพบสิ่งที่ดีกว่าเดิม
ส่วนใครจะค้นพบหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่อง
จากนั้นพีรดาก็เริ่มลงมือเขียนหนังสือเรื่องใหม่ของเธออีกครั้ง
เป็นหนังสือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของมวลมนุษยชาติยุคไฮเทค การอพยพ การพลัดถิ่นเพื่อแสวงหาทางเลือกให้กับชีวิตซึ่งเต็มไปด้วยไฟปรารถนา
ความหวัง และความฝัน รวมทั้งสิ่งที่เรียกว่าความสุข การดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของคนต่างด้าวในเมืองไทย
พีรดาเรียกมันว่า…สถานีชีวิตแห่งความหวัง สถานีเอเลี่ยน หรือ Alien
Station…
ไม่มีความคิดเห็น:
โพสต์ความคิดเห็น